ฟื้นฟูเซลล์ผิวระดับดีเอ็นเอ ด้วย Active Stem Cell จากเกล็ดเลือด โดยเทคนิคเฉพาะทางการแพทย์

รักษาฝ้า กระ หลุมสิว รูขุมขนกว้าง ด้วย วิธีการเซลล์ซ่อมเซลล์ในระดับดีเอ็นเอ โดยเทคนิคเฉพาะที่ BAC Clinic ฟื้นฟูเซลล์ผิวให้เปล่งปลั่งสุขภาพดี รักษาจุดด่างดำ ด้วย โกร์ท แฟคเตอร์ เข้มข้น จากเกล็ดเลือดในรูปแบบ Active stemcell PRP ในรูปแบบพรีเมียม ซ่อมแซมเซลล์ผิวได้อย่างตรงจุด เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก เหนือกว่า PRP ทั่วไป


  โกร์ท แฟคเตอร์ ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1950 โดย Stanley Cohen และ Rita Levi-Montalcini ซึ่งการค้นพบในครั้งนี้เป็นการจุดประกายของ Platelet rich plasma (PRP) หรือส่วนของพลาสมา/น้ำเลือดในปริมาณเล็กน้อย ที่มีส่วนประกอบของเกล็ดเลือดในปริมาณที่สูง ซึ่งผลงานนี้ส่งผลให้พวกเขาได้รับรางวัลโนเบลในเวลาต่อมา

   All PRP is not the same; PRP PRP เหมือนกัน แต่ใช่ว่าจะเหมือนกัน ซึ่งการให้ได้มาซึ่ง PRP ประสิทธิภาพสูงต้องคำนึงถึง

  1. เครื่องมือที่ใช้ในการปั่นแยกส่วนและ tube ที่ใช้ ต้องได้มาตรฐานเพื่อให้ได้ Premium PRP คุณภาพในปริมาณสูง ที่บีเอซีนำเข้า tube จากต่างประเทศเพื่อให้ได้ปริมาน Stemcell สูงกว่า PRP ทั่วไปตามท้องตลาด อีกทั้งใช้เครื่องปั่นแยกตามมาตรฐานโรงเรียนแพทย์
  2. การเตรียมอย่างถูกวิธีเพื่อให้ Stemcell ที่ Active  และสามารถเข้าฟื้นฟูซ่อมแซมเซลล์ผิวได้ โดยต้องผ่านขบวนการ activation โดย blood activator หรือน้ำยากระตุ้นสเต็มเซลล์ (Activated Stemcell) เพื่อให้ได้ proteins growth factor, hormones และ fibrinogen ในปริมาณที่สูงเพียงพอและสามารถทำงานได้ 100% ของเสต็มเซลล์ที่ได้ตั้งแต่แรก (สเต็มเซลล์เพิ่มจำนวนเองไม่ได้ การใช้น้ำยาจะช่วยให้ขั้นตอนของการได้สเต็มเซลล์ที่ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์เท่านั้น)

ดังนั้นเพื่อให้เกิดขบวนการฟื้นฟูเซลล์อย่างรวดเร็วเต็มประสิทธิภาพ ต้องเกิดจาก Stemcell ที่มีคุณภาพ ในราคาที่คุ้มค่า

ทำไมต้อง Active Stem Cell Liquid Gold ที่ บีเอซี คลินิก?

  • ใช้กระบวนการเพื่อให้ได้โกร์ท แฟคเตอร์ที่สมบูรณ์ ในปริมาณที่สูง เพื่อที่จะสามารถกระตุ้น native adult stem cells ตามธรรมชาติสำหรับใช้ในการรักษา ด้านผิวหนังและความงาม
  • น้อยแต่มาก ได้โกร์ท แฟคเตอร์ในปริมาณสูงจากการใช้เลือดตั้งต้นน้อย
  • สามารถใช้เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการรักษาอื่นๆ เช่นการรักษาฝ้าในผู้ที่ผ่านการรักษามาหลายวิธี ซึ่งจำเป็นต้องฟื้นฟูสภาพผิวควบคู่กับการรักษา
  • เป็นวิธีการที่ปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อการแพ้ เนื่องจากใช้เลือดของคนไข้เอง
  • ใช้หลักการพื้นฐานที่ทำให้เกิดกระบวนการซ่อมแซมตามธรรมชาติ ซึ่งจะเกิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องได้จากเกล็ดเลือดที่ทำหน้าที่ได้จริง
  • ใช้เทคนิคการฉีดเฉพาะ จึงสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด

  วิธีในการเตรียม Platelet rich plasma (PRP) นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีการใช้ PRPอย่างแพร่หลายซึ่งการรักษาด้วย PRP นั้นจะมีประสิทธิภาพอย่างมาก หากเข้าใจวิธีการในการให้ได้มาซึ่ง โกร์ท แฟคเตอร์ ที่สามารถทำงานได้ทันเวลา และตรงตามวัตถุประสงค์ในการใช้ ซึ่ง PRP ได้นำมาใช้ในการรักษาผู้ป่วยมากว่า 30 ปีแล้ว เช่นใน การรักษาผมร่วง รักษาแผลเป็น หลุมสิว รวมถึงการฟื้นฟูผิวจากภายในเพื่อลดริ้วรอย ชะลอความเสื่อมที่เกิดขึ้นตามวัย รักษาโรคที่เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของกระดูก ข้อต่อ เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ ของร่างกาย

   โดยส่วนประกอบของเกล็ดเลือด ได้มาจากเลือดของผู้ป่วยเอง (Autologous blood) ดังนั้นจึงมีความปลอดภัยสูง แทบจะไม่มีอาการข้างเคียงใดๆที่เป็นอันตรายเลยเนื่องจากไม่ใช่สารสังเคราะห์ ซึ่งเกล็ดเลือดที่ได้จากการเตรียมนี้จะมีความเข้มข้นมากกว่าโลหิตครบส่วน (whole blood) ที่ไม่ได้ผ่านการเตรียมประมาณ 5-10 เท่า ซึ่งเลือดครบส่วนนั้น จะประกอบด้วย พลาสมาเหลวประมาน 55%, เซลล์เม็ดเลือดแดง (Red Blood cell) เซลล์เม็ดเลือดขาว (White Blood cell) และเกล็ดเลือด (Platelet) โดยเกล็ดเลือดก็แบ่งออกเป็น 2 ชนิดก็คือ เกล็ดเลือดเข้มข้น (Platelet Rich Plasma) และเกล็ดเลือดที่ไม่เข้มข้น (Platelet Poor Plasma)

   ซึ่งในส่วนของพลาสมานั้น จะประกอบไปด้วย โปรตีน กลูโคส เกลือแร่ในรูปไอออน ฮอร์โมน คาร์บอนไดออกไซด์ เกล็ดเลือด และเม็ดเลือดแดง ในการเตรียม PRP ซึ่งคือการปั่นแยกเพื่อให้ได้พลาสมาที่มีส่วนประกอบของเกล็ดเลือดในปริมาณสูงนั้น จะทำให้ได้โปรตีน โกร์ท แฟคเตอร์ ซึ่งถูกกระตุ้นให้หลังออกมาจากเกล็ดเลือดที่ active เพื่อกระตุ้นขบวนการสมานบาดแผล (wound healing) ซึ่ง growth factors นี้จะประกอบด้วย isomer ของ platelet-derived growth factor ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาจาก α-granules เมื่อเกล็ดเลือดได้รับการกระตุ้น นอกจากนี้บนผิวของเกล็ดเลือดจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างและทำหน้าที่ต่างๆกัน เมื่อเกล็ดเลือดถูกกระตุ้น รวมทั้งยังพบ signal molecule อาทิเช่น CD9, CD-W17, CD41, CD42a-d, CD51, CD-W60, CD61, CD62P, CD63 ซึ่งมีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะในขวบการ adhesionของกระดูก ข้อต่อ เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆของร่างกาย

   โดย Ibrahim และคณะ ได้พูดถึงประสิทธิภาพในการสมานแผลอย่างรวดเร็วของ PRP โดยการเข้าไปซ่อมแซมในระดับ ดีอ็นเอ ซึ่งเหตุผลตรงนี้เอง จึงไม่น่าแปลกใจถึงประสิทธิภาพในการสมานแผลและรักษารอยแผลเป็น การกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจน กระตุ้นการเติบโตและการแบ่งเซลล์ของผิวหนัง ช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมผิว ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ รวมถึงมีการใช้ทางการแพทย์อย่างแพร่หลาย

| ข้อควรรู้สั้นๆ |


  เกล็ดเลือด (platelet ) หรือ thrombocytes เป็นเซลล์ชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็กมาก เป็นแหล่งสำคัญของโกร์ท แฟคเตอร์, โปรตีน, ไซโตไคน์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูเซลล์
   Platelet-rich plasma (PRP) คือ ส่วนประกอบของพลาสมา ที่มีความเข้นข้นของเกล็ดเลือดเป็น 5-10 เท่า ของระดับเกล็ดเลือดจากเลือดครบส่วนปกติ โดยปกติเกล็ดเลือดทำให้หน้าที่ในกระบวนหายของแผล ด้วยการปลอดปล่อยสารที่เรียกว่า Growth Factor, Protein และ cytokines ซึ่งจะทำหน้าที่ให้เลือดแข็งตัว ในการกระตุ้นการหายของแผล และซ่อมแซมเซลล์ ทำให้เซลล์เติบโต การสร้างหลอดเลือดใหม่ การสร้างกระดูก และการสังเคราะห์คอลลาเจน เป็นต้น

   BAC Clinic เลือกใช้ PRP ซึ่งผสมผสานน้ำยากระตุ้น stem cell หรือ activator ด้วย protocol ที่ใส่ใจทุกๆขั้นตอนเพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ growth factors ในปริมาณที่สูง เพื่อที่จะสามารถกระตุ้น native adult stem cells ตามธรรมชาติ เพื่อในการใช้ในการรักษา ด้านผิวหนังและความงาม (dermatology) รักษาแผลเป็น (wound healing) ฟื้นฟูให้ผิวที่เสื่อมสภาพตามอายุนั้นกลับมามีคอลลาเจน และยืดหยุ่นดีอีกครั้ง (skin rejuvenation ) รวมถึงรักษาโรคที่เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของกระดูก ข้อต่อ เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆของร่างกาย

การใช้ PRP กับการรักษาฝ้า

ก่อน
หลัง

รูปที่ 1 แสดงผลก่อนและหลังการรักษาฝ้าด้วย PRP (Çayırlı et al., 2014)


  จากผลการศึกษาของ Çayırlı และคณะ ในปี 2014 โดยการใช้เทคนิคทาง PRP โดยได้มีการเจาะเลือดจากคนไข้ 8 มิลลิลิตร โดยใช้ tube ซึ่งประกอบด้วยเจลและสารกันเลือดแข็ง นำมาทำการปั่นแยกที่ความเร็ว 3,500 rpm เป็นเวลา 8 นาที และทำการแยกส่วน PRP ซึ่งอยู่บริเวณ buffy coat หลังจากนั้นใช้เข็มเบอร์ 32 G ทำการฉีด PRP ดังกล่าวลงสู่ใต้ผิวด้วยวิธีการทางเมโสเธอราปี โดยกำหนดไปที่ผิวหนังชั้น papillary dermis หรือที่ระดับความลึกประมาณ 1.5∼2.0 มิลลิเมตร ใช้ปริมาณ PRP ทั้งหมดประมาณ 1.5 มิลลิลิตร โดยทำการฉีดทั้งหมด 3 ครั้ง โดยแต่ละครั้งห่างกันที่ 15 วัน เมื่อจบการศึกษาพบว่า ฝ้า ชนิด epidermal ลดลงประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ดังแสดงในรูปที่ 1 (หลัง)

   ส่วนประกอบที่สำคัญของเกล็ดเลือดใน α-granules พบว่ามีสารสำคัญทางชีวภาพกว่า 30 ชนิด รวมถึง platelet-derived growth factor (PDGF), transforming growth factor (TGF)-β1, 2, epidermal growth factor, และ mitogenic growth factors เช่น platelet-derived angiogenesis factor and fibrinogen3 ซึ่งจากข้อมูลที่มีอยู่ TGF-β1 เป็นโกร์ท แฟคเตอร์ ที่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับการเกิดฝ้า

   จากการศึกษาของ Kim และคณะ ซึ่งทำการศึกษาบทบาทของTGF-β1 ต่อการเกิดฝ้า พบว่า TGF-β1 ส่งผลยับยั้งการสร้างเมลานินอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ซึ่งผลการรักษาที่ดีขึ้นนอกจากบทบาทของ TGF-β1ยังน่าจะเกี่ยวข้องกับการที่ผิวมีความแข็งแรงขึ้น เนื่องจาก PDGF มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างคอลลาเจนและกรดไฮยารูโลนิก

การใช้ PRP ในการรักษาหลุมสิว รอยแผลเป็น
ก่อน
หลังการรักษา session สุดท้าย 2 เดือน

รูปที่ 2 แสดงผลการรักษาคนไข้เพศชาย หลุมสิว เกรด 4 ด้วย PRP (Nofal et al., 2014)

รูปที่ 3 แสดงผลการรักษาคนไข้เพศชาย หลุมสิว เกรด 4 และ แผลเป็น (traumatic acne) Group C ด้วย PRP และ skin needling (Nofal et al., 2014)

จากการศึกษาของ Nofal และคณะ ในปี 2014 ซึ่งแสดงผลการรักษาคนไข้เพศชาย หลุมสิวชนิดเกรด 4 (รูปที่ 2) ด้วย PRP และ คนไข้เพศชายซึ่งมี หลุมสิว เกรด 4 และแผลเป็น (traumatic acne) Group C (รูปที่ 3) ด้วย PRP และ skin needling (Nofal et al., 2014) หลังการรักษา session สุดท้าย 2 เดือน โดยในการศึกษานี้ทำการรักษาทั้งหมด 3 sessions โดยในแต่ละครั้งห่างกันที่ 2 สัปห์ดา โดยผลการรักษาแสดงถึงการตอบสนองในระดับที่ ดีมากของคนไข้หลุมสิวและแผลเป็น ต่อ activated PRP ที่ใช้ activator ในอัตราส่วน 1 : 9 และวิธีการปั่นแบบ double-spin method โดยทำการฉีดแบบ intradermal ในปริมาณ 0.1 - 0.3 mL บริเวณหลุมสิวแต่ละข้างบนใบหน้าโดยใช้ปริมาณรวมทั้งหมดที่ 1 mL

   ซึ่งจะเห็นได้ว่า เกล็ดเลือดเข้มข้นในรูปแบบ Activated platelets จะมีการหลั่ง cytokines, chemokines และ growth factors อาทิเช่น vascular endothelial growth factor, platelet-derived growth factor, epidermal growth factor, fibroblast growth factor, transforming growth factor-b, insulin-like growth factor, IL-8, macrophage inflammatory protein-1a, and platelet factor ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการซ่อมแซมเซลล์ผิวเป็นไปอย่างสมบูรณ์ไม่ว่าจะเป็นขบวนการสร้างเส้นเลือดใหม่ (angiogenesis), การจัดเรียงเนื้อเยื่อใหม่ (tissue remodeling) และช่วยให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น (wound healing) รวมถึงการใช้เทคนิค skin needling ซึ่งเป็นการใช้เข็มเข้ามามีส่วนทำให้ผิวบาดเจ็บและส่งผลให้เกล็ดเลือดทำหน้าที่ได้ดียิ่งขึ้นในขบวนการของขั้นตอนการซ่อมแซมเซลล์ผิว ซึ่ง Fractional microneedling RF หรือ Gold Derma Laser ซึ่งเป็นการใช้หัวเข็มทองคำควบคู่กับคลื่นวิทยุมีให้บริการที่ BAC Clinic ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถนัดหมายแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติมได้

   กล่าวโดยสรุป การใช้เกล็ดเลือดเข้มข้นนั้น สามารถนำมาใช้เดี่ยวๆ หรือใช้ควบคู่กับการทำเมโสเธอราปี, เลเซอร์, micro needling, ฟิลเลอร์ รวมถึงการร้อยไหม เนื่องจากเป็นวิธีการที่ปลอดภัย เพราะเป็นการใช้เลือดของคนไข้เอง ซึ่งในปัจจุบันมีงานวิจัยถึงประสิทธิภาพของ PRP อย่างแพร่หลาย ดังนั้นการเตรียม PRP อย่างเข้าใจขบวนการให้ได้มาซึ่งโกร์ท แฟคเตอร์ ในปริมาณสูง เป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึง ซึ่งจากที่ได้กล่าวข้างต้น โกร์ท แฟคเตอร์ ใน α-granules ซึ่งมีสารสำคัญกว่า 30 ชนิด จะถูกหลั่งออกมา เมื่อเกล็ดเลือดผ่านขบวนการ activation ซึ่งทาง BAC Clinic (บีเอซี คลินิก) ให้บริการโปรแกรม ในการรักษาฝ้า กระ รักษาผมร่วง หลุมสิว ด้วย SCF หรือ Active stemcell PRP โดยใช้ขั้นตอนและเทคนิคเฉพาะในการเตรียม ซึ่งรวมถึงการกระตุ้นเกล็ดเลือดด้วย Activator

   เพื่อให้มั่นใจว่า จะได้ PRP ที่มีความเข้มข้นของ Growth Factor และประสิทธิภาพสูง และ ด้วยเทคนิคการฉีดเฉพาะตัว ซึ่งสามารถทำควบคู่กับทรีทเม้นท์อื่นๆได้เช่น อาทิเช่น Pico laser ซึ่งใช้ในการรักษาฝ้า กระ เม็ดสี หลุมสิว โดยไม่ใช้ความร้อน จึงไม่ทำร้ายผิว โดยเฉพาะถ้าทำควบคู่กับโปรแกรม SCF-pigment Zero จะเป็นการแก้ปัญหาฝ้า กระสะสม และฟื้นฟูผิวควบคู่กันได้เป็นอย่างดี และเข้าถึงต้นเหตุเพื่อเป็นการ maintain ผลลัพธ์หลังการรักษาให้ยาวนานยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การรักษาหลุมสิวและรักษารูขุมขนโดยทำควบคู่กับ Gold derma laser ซึ่งนอกจากจะเห็นผลรวดเร็ว ยังคืนความอ่อนเยาว์สดใสให้กับผิวพรรณได้เป็นอย่างดี รวมถึงการรักษาผมร่วงด้วย SCF ที่ผสมผสาน biotin ก็เป็นวิธีการดูแลเส้นผมที่ได้เข้าถึงประสิทธิภาพสูงสุด

Active stemcell PRP เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟู ซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ และเสริมสร้างผิวจากภายในในระดับลึก เนื่องจากคอลลาเจนและอิลาสตินลดลง ต้องการดูอ่อนเยาว์ ผิวหน้าดูเปล่งปลั่ง (facial rejuvenation)
  • ผู้ที่ต้องการรักษาสิว ฝ้ากระ จุดด่างดำ รอยดำจากสิว
  • ช่วยให้ขนาดรูขุมขนเล็กลง ช่วยรักษาหลุมสิว หรือรอยแผลเป็น
  • ผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก มีปัญหาผิวหน้าแห้ง
  • ผู้ที่มีปัญหาผมหลุดร่วง เซลล์รากผมไม่แข็งแรง
  • แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผลของการรักษาแตกต่างในแต่ละบุคคล

Active stemcell PRP มีขั้นตอนดังต่อไปนี้

  • เจาะเลือดจากข้อพับ ประมาณ 10 ซีซี
  • นำเลือดมาปั่นเพื่อสกัดผ่านเครื่อง Centrifuge เพื่อให้ได้เกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นและมี Growth Factor สูง หรือที่เรียกว่า PRP (PLATELET RICH PLASMA)
  • แยกเกล็ดเลือดที่สมบูรณ์และเข้มข้นออกมา (PRP)
  • Pre-loaded PRP ที่สมบูรณ์ กับ Activator ในสัดส่วนที่คำนวนมาอย่างดี
  • ฉีดเกล็ดเลือด PRP กลับเข้าไปสู่ส่วนต่างๆของใบหน้าในชั้นใต้ผิวด้วยเทคนิคทางเมโสเธอราปี่

ข้อจำกัดเกี่ยวกับการทำ Active stemcell PRP


  1. กลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยติดเชื้อ หรือผู้ที่มีโรคผิวหนังบางประเภท
  2. ผู้ที่รับประทานยาสลายลิ่มเลือดหรือยาต้านเกล็ดเลือด
  3. ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง
  4. ผู้ที่มีความผิดปกติในการแข็งตัวของระบบเลือดและเกร็ดเลือด
  5. ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
  6. ผู้ที่เป็นโรคตับ
  7. ผู้ที่มีภาวะติดเชื้อรุนแรง
  8. ผู้ที่มีโรคทางภูมิคุ้มกันต่อตนเอง (autoimmune)
  9. ผู้ที่รับประทานวิตามินอี หรือสารที่ทำให้เลือดไม่แข็งตัว
ควรทำ Active stemcell PRP บ่อยแค่ไหน

โดยปกติจะเห็นผลลัพธ์หลังการทำไปแล้ว 2-4 สัปดาห์ ควรกระตุ้นซ้ำอีก เพื่อการบำบัดที่มีประสิทธิภาพ ควรทำ PRP Therapy ประมาณ 2-4 ครั้ง โดยเว้นระยะห่าง 2-4 สัปดาห์ ซึ่งผลการรักษาจะสามารถอยู่ได้นานถึง 12 – 18 เดือน

การปฏิบัติตัวก่อนทำ Active stemcell PRP
  1. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชั่วโมงเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม
  2. ควรดื่มน้ำสะอาดมากๆ ประมาณ 1.5 – 2 ลิตร
  3. ห้ามรับประทานยาต้านการอักเสบและการแข็งตัวของเลือดในกลุ่ม ASA หรือ NSIAD ก่อนทำ 2-3 วัน
  4. ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์อย่างน้อย 2-3 วัน
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีควบคู่ไปกับการรักษา มีข้อควรปฏิบัติหลังจากทำดังนี้
  1. ควรงดล้างหน้า 4-6 ชั่วโมงแรกหลังการทำ
  2. หลีกเลี่ยงแสงแดดประมาณ 2- 3 วัน
  3. งดการออกกำลังกายอย่างหนัก
  4. ทาครีมบำรุงผิวได้ตามปกติ แต่ให้หลีกเลี่ยงการทาครีมที่มีส่วนผสมของ AHA หรือสาร Whitening
  5. ควรพักหน้า โดยงดแต่งหน้าอย่างน้อย 1 วัน
  6. หลีกเลี่ยงการรับประทานยาประเภทแอสไพริน(Aspirin) และไอบูโพรเฟ่น(Ibuprofen) ประมาณ 2-3 วัน
  7. ทาครีมบำรุงผิวหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ได้ตามปกติ
  8. ควรใช้ยาลดปวดกลุ่มพาราเซตามอล
  9. บางคนอาจบวมได้ 2-3 วัน มีรอยเข็มหรือช้ำเล็กน้อย

References

DL Villela, VL Santos. Evidence of the use of platelet-rich plasma for diabetic ulcer: a systematic review. Growth Factors 2010;2:111-6.

Çayırlı, M., Çalışkan, E., Açıkgöz, G., Erbil, A. H., & Ertürk, G. (2014). Regression of melasma with platelet-rich plasma treatment. Annals of Dermatology, 26(3), 401.

Ibrahim ZA, El-Tatawy RA, El-Samongy MA, Ali DA. Comparison between the efficacy and safety of platelet-rich plasma vs. microdermabrasion in the treatment of striae distensae: clinical and histopathological study. J Cosmet Dermatol 2015;14(14):336-46.

Kim DS, Park SH, Park KC. Transforming growth factor-beta1 decreases melanin synthesis via delayed extracellular signal-regulated kinase activation. Int J Biochem Cell Biol 2004;36:1482-1491.

Nofal, E., Helmy, A., Nofal, A., Alakad, R., & Nasr, M. (2014). Platelet-rich plasma versus CROSS technique with 100% trichloroacetic acid versus combined skin needling and platelet rich plasma in the treatment of atrophic acne scars: a comparative study. Dermatologic Surgery, 40(8), 864–873.
บริการอื่นๆที่น่าสนใจ
ต้องการฟื้นฟูผิว คืนความอ่อนเยาว์ รักษากระฝ้า ด้วย Active Stem Cell จากเกล็ดเลือดเข้มข้น นัดหมายได้ที่